สบส. ชวน อสม.ร่วมดูแลสุขภาพผู้อพยพจากเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ดึงพลังภาคประชาชนหนุนเสริมงานสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน เปิดรับสมัครอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้าร่วมปฎิบัติงานกับหน่วยแพทย์ประจำศูนย์พักพิง ดูแลสุขภาพผู้อพยพจากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร อธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิง ซึ่งขณะนี้ ในเบื้องต้นได้มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงแล้วมากกว่า 900 แห่ง โดยมีผู้อพยพเข้าพักในศูนย์พักพิงแล้วมากกว่า 2.7 แสนคน ซึ่งประชาชนที่เข้าพักบางส่วนก็มีปัญาทางด้านสุขภาพ มีโรคประจำตัว หรือเป็นประชาชนกลุ่มเปราะบาง ที่มีจำนวนมากกว่า 71,000 คน ดังนั้น เพื่อดูแลสุขภาพผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิง กรม สบส. จึงมีแนวคิดในการนำพลังของภาคประชาชนอย่างพี่น้อง อสม. เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน สนับสนุนงานสาธารณสุข ในภาวะฉุกเฉิน โดยมอบหมายให้กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน ลงพื้นที่รับสมัคร อสม. ผู้มีจิตอาสาภายในพื้นที่ หรือพื้นที่ข้างเคียง มาปฎิบัติงานร่วมกับ “หน่วยแพทย์ประจำศูนย์พักพิง” โดยกำหนดสัดส่วน อสม. 1 คน ร่วมดูแลผู้อพยพในศูนย์พักพิง จำนวน 30-50 คน แต่หากพบว่ามีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) จำนวนมาก จะกำหนดสัดส่วนเป็น อสม. 1 คน ต่อผู้อพยพฯ จำนวน 20-30 คน แบ่งการทำงานเป็น 3 ช่วง (เช้า-บ่าย-ค่ำ) นายแพทย์ภูวเดชฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการปฎิบัติงาน ณ ศูนย์พักพิงนั้น อสม.จะได้รับ “ปลอกแขน อสม.” และได้รับมอบหมายภารกิจประจำวันจากหัวหน้าหน่วยแพทย์ เพื่อดำเนินการตามบทบาทหลักใน 6 ด้าน ได้แก่ 1.การคัดกรองสุขภาพ ประเมินอาการผู้ป่วย แยกผู้ป่วยที่พบเข้าพื้นที่ผู้ป่วยเบื้องต้น 2.การเฝ้าระวังโรค สังเกตอาการ เช่น ไข้หวัด อุจจาระร่วง โรคผิวหนัง ฯลฯ หากพบอาการผิดปกติให้รายงานหัวหน้าหน่วยแพทย์ทันที 3.ดูแลกลุ่มเปราะบาง สำรวจยาประจำตัว ยาที่จำเป็นไม่ให้ขาด 4.การจัดการสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม ดูแลความสะอาดอาหาร น้ำดื่ม ที่พัก และการจัดการขยะมูลฝอย 5.สนับสนุนด้านจิตใจ คัดกรอง ให้คำแนะนำ หรือส่งต่อให้ทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤติ (MCATT) ดูแลภาวะเครียด และ 6.การรายงานผลการปฎิบัติงาน ต่อหัวหน้าหน่วยแพทย์หลังเสร็จสิ้นการปฎิบัติงานในแต่ละวัน ซึ่งการที่พี่น้อง อสม.ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนงานแพทย์และสาธารณสุขนั้น นอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ แล้วยังช่วยสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้อพยพฯ ว่าจะได้รับการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด “กรม สบส. ขอขอบคุณพี่น้อง อสม. ทุกท่าน ในการช่วยเหลือดูแลสุขภาพประชาชน ช่วงสถานการณ์ไม่สงบ กรม สบส. ขอยืนยันความพร้อมว่าจะให้การดูแลสวัสดิการ และสนับสนุนการดำเนินงานของพี่น้อง อสม.อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนต่อความเสียสละของพี่น้อง อสม.” นายแพทย์ภูวเดชฯ กล่าวทิ้งท้าย