กฎหมายคุมกิจการดูแลผู้สูงอายุ ประกาศใช้แล้ว
กรม สบส.เผยกฎหมายลูกฉบับล่าสุด ของ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ประกาศใช้แล้ว มีผลคุมกิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง เริ่มบังคับใช้ 28 ม.ค.64 ผู้ประกอบกิจการและผู้ปฏิบัติงานทั้งรายเก่า/ใหม่ ต้องขออนุญาต และขึ้นทะเบียนกับกรม สบส. ... นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้กฎหมายลูกที่ออกตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มาตรา 3(3) ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 31 ก.ค.63 มีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน (28 ม.ค.64 เป็นต้นไป) ส่งผลให้กิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ต้องมาขออนุญาตประกอบกิจการกับกรม สบส. โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ รายใหม่ จะต้องมาขออนุญาตก่อนเปิดกิจการ ส่วนผู้ดำเนินการต้องผ่านการอบรม สอบ และมีใบอนุญาตจากกรม สบส. ส่วนผู้ให้บริการก็ต้องผ่านการอบรมและมาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการก่อนจะปฏิบัติงาน สำหรับรายเก่าที่เปิดกิจการอยู่ก่อนแล้ว หรือประกอบอาชีพนี้อยู่แล้ว ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการ ใบอนุญาตเป็นผู้ดำเนินการ และขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการที่กรม สบส. ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ (ภายในวันที่ 28 ม.ค.64 - 27 ก.ค.64) และเมื่อยื่นคำขอแล้ว ก็สามารถประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพต่อไปได้ จนกว่าจะได้รับแจ้งคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่รับขึ้นทะเบียนจากกรม สบส. แล้วแต่กรณี โดยอัตราค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตจะคิดตามประเภทและขนาดพื้นที่สถานประกอบการ ต่ำสุด 500 บาท สูงสุด 10,000 บาท แต่ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับกิจการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ มูลนิธิ หรือองค์การสาธารณกุศล ส่วนใบอนุญาตเป็นผู้ดำเนินการ มีค่าธรรมเนียมฉบับละ 1,000 บาท (ตลอดชีพ) สำหรับการขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ ไม่มีค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด (ทั้งรายเก่าและรายใหม่) ...ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดให้กิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง เป็นกิจการที่ต้องได้รับการดูแลมาตรฐานภายใต้ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพฯ เพราะประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ทำให้กิจการดูแลผู้สูงอายุฯเกิดขึ้นมากมาย แต่ยังขาดหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลในเรื่องของมาตรฐาน ทั้งด้านสถานที่ การบริการ และความปลอดภัย อาจส่งผลให้ผู้สูงอายุฯ ได้รับบริการที่ไม่ได้มาตรฐานและก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎหมายนี้ และเพื่อให้กิจการดังกล่าว มีมาตรฐานและแนวทางในการปฏิบัติที่ถูกต้อง และเกิดการยอมรับในระดับสากล รวมทั้งสามารถปรับตัวเข้าสู่การประกอบกิจการในวิถีใหม่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้ กรม สบส.จึงจัดสัมมนาเครือข่ายผู้ประกอบกิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงขึ้น เมื่อวันที่ 26 ส.ค.63 ซึ่งมีผู้ประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุฯ เข้าร่วมสัมมนากว่า 150 คน . ******* เผยแพร่แก่สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563
เอกสารประกอบ
1.
เนื้อหาข่าว
2.
อินโฟประกอบข่าว