กรม สบส. ชื่นชม อสม.ทั่วไทย มีศักยภาพสามารถนับคาร์บได้ 100 เปอร์เซ็นต์
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ชื่นชมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1.07 ล้านคน มีศักยภาพสามารถนับคาร์บได้ด้วยตนเอง เผยเตรียมส่ง อสม.ลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องการนับคาร์บ และคัดกรองสุขภาพประชาชน อายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อจัดทำฐานข้อมูลสุขภาพ วางแผนป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในชุมชนทั่วไทย ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่กรม สบส. ได้ดำเนินการกิจกรรม “อสม. ชวนนับคาร์บ” เพื่อสนับสนุนนโยบายกระทรวงสาธารณสุขให้คนไทยห่างไกลโรค NCDs โดยเชิญชวน อสม. ให้ร่วมคำนวณปริมาณอาหารประเภทแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตที่ควรรับประทานในแต่ละวัน โดยตั้งเป้าให้ อสม. ทั้ง 1.07 ล้านคน มีความรู้ ความสามารถนับคาร์บได้ด้วยตนเองภายในปี 2567 ซึ่งผลการดำเนินการตามกิจกรรมข้างต้น ได้บรรลุวัตถุประสงค์ครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการสำรวจข้อมูลผลการดำเนินงานผ่านระบบ 3 หมอรู้จักคุณ กรม สบส. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 พบว่ามี อสม. บันทึกรายงานผลการนับคาร์บผ่านแอปพลิเคชัน Smart อสม. แล้ว 1,072,877 คน ซึ่งต้องขอแสดงความชื่นชมต่อ อสม.ทุกท่าน ที่ร่วมสร้างความสำเร็จในขั้นแรกของการต่อสู้กับโรค NCDs และเมื่อ อสม.ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนมีองค์ความรู้ในการนับคาร์บครบถ้วนแล้ว จะต้องมีการส่งต่อองค์ความรู้ ให้คำแนะนำไปถึงประชาชน โดยมี อสม.เป็นผู้ส่งต่อความรู้ เชิญชวนประชาชนมาร่วมนับคาร์บ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ อสม.ได้ดำเนินการให้ความรู้การนับคาร์บแก่ประชาชน ไปแล้ว 10,021,023 ราย โดยในลำดับถัดไปของการขจัดโรค NCDs ให้หมดไปนั้น จะต้องอาศัยการดำเนินการในเชิงรุกเพื่อรับทราบข้อมูลของประชาชน โดยกรม สบส.จะให้การสนับสนุน อสม.ในการลงพื้นที่คัดกรองโรค NCDs ในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป และบันทึกข้อมูลที่ได้ในระบบรายงานผลการดำเนินงาน “อสม. ชวนนับคาร์บ” เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการติดตาม ประเมินผล และวางแผนกิจกรรมการป้องกัน และขจัดโรค NCDs ในระดับพื้นที่ต่อไป “กรม สบส.ขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณพี่น้อง อสม.ทุกท่าน ที่ร่วมดูแลสุขภาพประชาชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน ขอให้คำมั่นว่ากรม สบส.จะส่งเสริม สนับสนุน การยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้อง อสม. ในด้านสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ อาทิ การรักษาพยาบาล โควตาการศึกษาต่อ และการจัดตั้งกองทุนสำหรับ อสม. อย่างเต็มความสามารถ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้อง อสม. ให้สมกับเป็นหัวใจสำคัญของระบบสาธารณสุขมูลฐานไทย” ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ฯ กล่าว
