กรม สบส. ทำยุทธศาสตร์ 10 ปี สร้างมาตรฐานบริการการแพทย์ไทย ระบบสุขภาพประชาชนเข้มแข็ง
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เร่งทบทวนภารกิจ และปรับยุทธศาสตร์ใหม่ทิศทางการทำงานของกรมในปี 2560-2569 มุ่งสร้างมาตรฐานบริการสุขภาพทั้งระบบ คุ้มครองความปลอดภัยพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ประชาชน เยาวชนมีความรู้ และมีทักษะชีวิตปลอดภัย เกิดความยั่งยืน มั่นคง ภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง ตอบโจทย์สุขภาพได้จริง วันนี้ (24 พฤษภาคม 2559) นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับกลาง ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จำนวน 60 คน ซึ่งจัดที่สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 6 จังหวัดชลบุรี โดยอบรมเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับกลาง ให้มีทักษะความรู้เข้าใจบทบาทภารกิจของกรม การบริหารจัดการ ซึ่งมีความสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกรมลงสู่ภาคปฏิบัติให้บรรลุผล พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงต่อไป นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าวาว่า ขณะนี้กรมสบส.ได้เร่งทบทวน ปรับบทบาททิศทางภารกิจของกรมฯ หน่วยงานในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การทำงาน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเริ่มในปี 2560 -2569 เพื่อให้ตรงกับปัญหาและความต้องการประชาชน สอดคล้องกับยุทศาสตร์ 20 ปี ประเทศไทย ที่ขับเคลื่อนสู่สังคมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะ 6 ประเด็นสาธารณสุขตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง อธิบดีฯ ผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ได้แก่ 1. การลดปัญหาวัยรุ่นวัยในตั้งครรภ์ ซึ่งมีอัตราร้อยละ 16.51 2.การสร้างความสูงให้เด็กไทย โดยเฉพาะนักกีฬาไทยเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศได้ 3.การเร่งศึกษาวิจัยชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ 4.การพัฒนาเมดิคัลฮับ เพื่อให้ชาวต่างชาติมารับบริการ ดึงเศรษฐกิจรายได้เข้าประเทศ และ 5.การพัฒนาระบบบริการรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งไทยจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นถึงร้อยละ 40 ของประชากร และ6.การศึกษาวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาสุขภาพคนไทย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกรม สบส. ในการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพทั้งระบบ ซึ่งประกอบด้วย การรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการสร้างความเข้มแข็งระบบสุขภาพภาคประชาชน ภายใต้กฎหมาย 5 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541, พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542, ระเบียบ อสม. พ.ศ.2554, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 และ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 โดยจะปรับเกณฑ์การประเมินผลตัวชี้วัดโครงการต่างๆ ให้ชัดเจน วัดผลที่สุขภาพประชาชนเป็นหลักว่าดีขึ้นอย่างไร นอกจากนี้จะเร่งพัฒนามาตรฐานสุขศาลาพระราชทาน ให้เป็นที่พึ่งของนักเรียนและประชาชน ในพื้นที่ห่างไกล ถุรกันดาร ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นศูนย์ส่งเสริมประชารัฐเพื่อชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล ทางด้านนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า เรื่อวที่กรม สบส.จะเร่งปฏิรูปอีก 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การให้ความรู้สุขภาพแก่ประชาชนจะต้องเน้นเข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง เจ้าหน้าที่ของกรมฯจะต้องเป็นผู้ให้ความรู้สุขภาพด้วย 2. การแปลงเนื้อหาสุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ ให้ออกมาในรูปของพฤติกรรมเป็นทักษะที่เยาวชนต้องมี เช่น ทักษะการว่ายน้ำ ทักษะการเอาชีวิตรอดในภาวะฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว สึนามิ น้ำท่วมฉับพลัน โดยจะดำเนินการเสริมทักษะด้วยหลักการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ และ3.การเฝ้าระวังแก้ไขความเชื่อ และให้ความรู้เชื่อมโยงกับ อสม.ทั้งหมดนี้จะดำเนินการเข้มข้นในตำบลจัดการสุขภาพ ซึ่งจะมีระบบการประเมินที่ตัวประชาชนว่าสุขภาพดีขึ้นย่างไร การป่วยลดลงมากน้อยเพียงใด