กรม สบส.ปรับยุทธศาสตร์องค์กร เป็นองค์กรสมัยใหม่ เจ้าหน้าที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทำงานเป็นทีม
กรม สบส.ปรับยุทธศาสตร์องค์กร เป็นองค์กรสมัยใหม่ เจ้าหน้าที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทำงานเป็นทีม กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปรับยุทธศาสตร์องค์กร พัฒนาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม ให้เป็นหน่วยงานต้นแบบของการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเจ้าหน้าที่ มีความสุขในการทำงาน นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานดูแลคุ้มครองประชาชนด้านบริการสุขภาพ นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในปี 2559 ซึ่งเป็นปีแรกของการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งมีภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพ และสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนในการดูแลจัดการสุขภาพ สร้างความเข้มแข็งระบบการสาธารณสุขของประเทศ ได้กำหนดนโยบายพัฒนาองค์กร ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization หรือ LO) ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานแบบสมัยใหม่ เพื่อให้มีความพร้อมรับต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ตลอดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานดูแลคุ้มครองประชาชนด้านบริการสุขภาพ ทั้งนี้ได้ส่งเสริมให้บุคลากรเจ้าหน้าที่ของกรมฯซึ่งมีประมาณ 1,200 คน ได้ขยายขอบเขตความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง จากในระดับบุคคลสู่ระดับกลุ่มและระดับกรม เกิดการเรียนรู้ไปด้วยกันทั้งองค์กร และทำงานเป็นทีมโดยมีนโยบายให้จัดเวทีมีกิจกรรมเสริมสร้างการมีส่วนร่วม ผสมผสานไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทำงาน ผ่อนคลายความเครียดให้เจ้าหน้าที่ทุกวันพุธ และกิจกรรม 5 ส. 3 เก็บ ทุกวันศุกร์ คือ เก็บสถานที่ทำงานให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพัก เก็บขยะเศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย และเก็บน้ำ ปิดให้มิดชิดหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกสัปดาห์ไม่ให้ยุงลายวางไข่ ตามนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และป้องกันโรคติดต่อจากยุงลาย ทางด้านนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการสำนักบริหาร กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทำงานนั้น จะเน้นเรื่องความสุขในการทำงาน การจัดสถานที่ทำงานเป็นสีเขียวคือมีความสะอาด ร่มรื่น สวยงาม น่าอยู่ น่าทำงาน และจะให้เป็นหน่วยงานต้นแบบด้านการดูแล ส่งเสริมสุขภาพ และนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ โดยจัดพิธีทางศาสนา คือใส่บาตรระหว่างผู้บริหารและบุคลากร การตรวจสุขภาพด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนจีน เป็นการกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้สุขภาพของตัวเอง และหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ อย่างจริงจัง การออกกำลังกาย เช่นการปั่นจักรยาน มวยไทย เต้นแอโรบิก เป็นต้น รวมทั้งจัดตลาดนัดคนกันเอง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการแบ่งปัน ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ