หมอห่วงคนไทยหัวใจอ่อนแอ แนะใช้หลักสุขบัญญัติเสริมสร้างสุขภาพใจ ลดความสูญเสียจากการเจ็บป่วยฉับพลัน
นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน ด้วยสภาพการใช้ชีวิตในสังคมเมืองที่ดำเนินไปด้วยความเร่งรีบ แข่งขันกับเวลาในทุกกิจกรรม ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ขาดการดูแลเอาใจใส่สุขภาพ มีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม จนมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคและภัยสุขภาพเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือดซึ่งนับเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของคนไทยเป็นลำดับที่ 4 โดยจากข้อมูลสถิติสาธารณสุข พ.ศ.2559 ของกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าในปี พ.ศ.2559 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดทั่วประเทศ 21,008 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 12,634 ราย และเพศหญิง 8,374 ราย นายแพทย์ภัทรพล กล่าวต่อว่า เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด กรม สบส.ขอให้ประชาชนหมั่นดูแลสุขภาพ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม แม้ความเสี่ยงบางประการเช่น อายุ เพศ หรือพันธุกรรม จะเป็นความเสี่ยงที่คงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ประชาชนสามารถนำหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ มาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกัน และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจขาดเลือดในด้านที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อการมีสุขภาพดี ห่างไกลโรคภัย ดังนี้ 1. รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะและมีสารอาหารครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารฟาสต์ฟู้ด เน้นรับประทานผักและผลไม้ให้มาก 2.หลีกลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มสุราเพราะจะส่งผลกระทบต่อหัวใจ หลอดเลือด ทำให้มีโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่/ดื่มสุรา 2-4 เท่า 3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3–5 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที ช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีชะลอการแข็งตัวของหลอดเลือด/การเกิดลิ่มเลือด และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 4.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ เพราะความเครียดจะส่งผลต่อร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไปจนถึงขั้นหัวใจวาย ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดความเครียด โดยหากิจกรรมนันทนาการ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือเล่นกีฬาเพื่อผ่อนคลาย ประการสำคัญ อาการของโรคหัวใจขาดเลือดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีการแสดงสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้น หากผู้ป่วยเกิดอาการหมดสติให้สันนิษฐานว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ให้รีบติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1669 ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และตรวจสอบการตอบสนองด้วยการเรียกหรือเขย่าตัว หากไม่มีการตอบสนอง ให้สังเกตว่ามีอาการหายใจเฮือก หรือหยุดหายใจหรือไม่ หากมีอาการข้างต้นให้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Cardiopulmonary resuscitation :CPR) ทันที โดยการประสานมือตรงกึ่งกลางหน้าอก ระหว่างหัวนมสองข้าง กดหน้าอกให้ยุบลงไปอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ด้วยจังหวะ 100-120 ครั้งต่อนาที จนกว่าหน่วยกู้ชีพจะมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะมีการตอบสนอง หากบริเวณนั้นมีเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator : AED) ให้นำมาใช้ร่วมกับการทำ CPR ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ผู้ป่วยได้มากขึ้น ทั้งนี้ กรม สบส.จะดำเนินการสนับสนุนสื่อความรู้ด้านสุขภาพ สื่อความรู้ในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน และการผายปอด แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และโรงเรียนสุขบัญญัติแห่งชาติทั่วประเทศเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในด้านพฤติกรรมสุขภาพและการช่วยเหลือชีวิต ที่สามารถนำไปปฏิบัติและถ่ายทอดให้ครอบครัว/ชุมชน ลดความสูญเสียจากการเจ็บป่วยฉับพลัน
เอกสารประกอบ
1.
picture
2.
picture