กรม สบส.เชิดชู อสม. ดีเด่นระดับชาติ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์และสินค้าอันตรายในชุมชน ด้วยมาตรการ 4 ต.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งเสริมการรับรู้สิทธิผู้บริโภคขั้นพื้นฐานในชุมชน เฝ้าระวังสินค้า ผลิตภัณฑ์อันตรายและบริการสุขภาพ ชูผลงาน อสม.ดีเด่นระดับชาติ ปี 2560 ของตำบลวังน้ำเย็น อำเภอวังน้ำเย็นจังหวัดสระแก้ว ตามมาตรการ 4. ต คือ ต้นทุน ตรวจ ตอบ และต่อเนื่อง เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ สินค้าอันตรายในชุมชน สร้างจิตสำนึกเปลี่ยนวิธีคิดสู่การปฏิบัติ ส่งเสริมให้เยาวชนในโรงเรียน เป็นเครือข่ายในการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งปลอดภัยไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา สามารถตัดสินใจเลือกรับบริการได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรม สบส.ในฐานะเป็นหน่วยงานส่งเสริม พัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวน 1,048,000 คน ที่ใกล้ชิดชุมชนมากที่สุด และเป็นเครือข่ายด่านหน้าในการส่งเสริมสิทธิการรับรู้ของผู้บริโภคในระดับชุมชน โดยการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อของการบริการด้านสุขภาพและบริการที่เป็นอันตราย สร้างความเข้มแข็งและความปลอดภัยให้ชุมชน ซึ่งในปี 2560 นี้ กรม สบส. ได้เชิดชูการดำเนินงานของ อสม.สาขาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพในตำบลวังน้ำเย็น อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และปลูกจิตสำนึกในการเปลี่ยนแนวคิดสู่การปฏิบัติ ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ด้านนางสมคิด สุธงษา อสม.ดีเด่นระดับชาติ สาขาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ปี 2560 กล่าวว่า จากการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคมา 10 ปี ในตำบลวังน้ำเย็น พบรถเร่ขายของ ผลิตภัณฑ์ตกคุณภาพ เข้ามาขายในชุมชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว จัดตั้งกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคอำเภอวังน้ำเย็น ทำหน้าที่เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ การบริการสุขภาพ อนามัยสิ่งแวดล้อม อาหารปลอดภัย ผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน เฝ้าระวังการโฆษณา ร่วมงานสุขศึกษาและงานวิชาการ เป็นต้น โดยทำหน้าที่ร่วมเป็นวิทยากรและ พี่เลี้ยงในการถ่ายทอดความรู้ สร้างความเข้าใจ โดยใช้นวัตกรรม 4 ต. คือ 1.ต.ต้นทุน ด้านทรัพยากรสร้างเครือข่าย อสม.ที่ผ่านการอบรม และดึงเยาวชนร่วมเป็นแกนนำ อย.น้อย ในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพ รถเร่ขายของในชุมชน และแจ้งเตือนชุมชนให้รับทราบ ปัจจุบันมีเครือข่าย อสม.ทั้งหมด 35 คน ดำเนินงานใน 19 หมู่บ้าน 10 ชุมชน และ อย.น้อย 195 คน ใน 19 โรงเรียน ขยายเครือข่ายเพิ่มอีก 480 คน 2.ต.ตรวจ การสุ่มตรวจสารปนเปื้อน อาทิ สารสเตียรอยด์ในยาลูกกลอน ยาแผนโบราณในร้านขายของในชุมชน ตรวจร้านอาหารเพื่อความสะอาด รสชาติ และหาสารต้องห้ามในเครื่องสำอางเป็นประจำทุกเดือน 3.ต.ตอบ นำข้อมูล ผลการการทำงานแจ้งเครือข่ายระดับชุมชน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อความสะดวก รวดเร็วให้ทันต่อสถานการณ์ และ 4. ต.ต่อเนื่อง ให้เกิดการต่อเนื่องในการดำเนินงาน ติดตามผลทุกเดือน ผลการดำเนินงาน พบว่าประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าที่จะมาบริโภค โดยเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพผ่านการตรวจรับรอง และสนับสนุนให้ประชาชนหันมาปลูกผักปลอดสารพิษ ซึ่งให้จัดทำโครงการหน้าบ้านหน้ามองด้วยการปลูกผักสวนครัวหน้าบ้านในทุกครัวเรือน เกิดเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง