เปิดสถานการณ์เพศสัมพันธ์ชีวิตร่วมสมัยเด็กไทยประถม 4 เริ่มมองหาเพศตรงข้าม
สธ. เผยปี 58 เด็กหญิงอายุ 10-14 ปี 1,000 คน มีอัตราการคลอดลูก1.5 คน ส่งผลอัตราแม่วัยรุ่นสูง เร่งสื่อสารพฤติกรรมเสี่ยงลดการตั้งครรภ์ไม่พร้อมตามหลักสุขบัญญัติ สนองนโยบายรัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ โดยมุ่งศึกษาในประเด็นการมีเพศสัมพันธ์ของเด็กอายุระหว่าง 10-14ปี ตามหลักสุขบัญญัติข้อ 5 การมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสม โดยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มเป้าหมายที่ท้องก่อนวัยอันควรในพื้นที่ 4 ภาค และสำรวจสภาวะสุขภาพของวัยรุ่นไทยในพื้นที่ 13 จังหวัด พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุสำคัญ 3 ส่วนคือ 1) พฤติกรรมของเด็กเอง ได้แก่ ความอยากรู้อยากลอง มีความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ผิด ประมาทไม่ระวังตนเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ขาดความรู้สึกสำนึกในคุณค่าตนเอง มีการตัดสินใจที่ผิดพลาด 2) ปัจจัยด้านครอบครัว ส่วนใหญ่เด็กที่มีปัญหาท้องก่อนวัยอันควรจะมีครอบครัวแตกแยก ครอบครัวยากจน ขาดการใส่ใจในการอบรมเลี้ยงดูและการรับฟังและการให้คำแนะนำ 3) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางสังคม ได้แก่ อิทธิพลของการเลือกคบเพื่อน อิทธิพลของสื่อที่ไม่เหมาะสม มีสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งมั่วสุมในพื้นที่ทำให้เป็นจุดรวมตัวและพบเจอกัน จากการเก็บข้อมูลยังพบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลว่า เริ่มมองหาเพศตรงข้ามตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หรืออายุประมาณ 10-11 ปี โดยจะชอบไปกับรุ่นพี่ที่เกเรหรือกลุ่มหัวโจกของโรงเรียน บางคนอยากมีแฟนเพราะอยากรู้ อยากลอง เห็นเพื่อนมีเลยอยากมีบ้างเมื่อมีแล้วสามารถคุยอวดเพื่อนในกลุ่มได้ โดยใช้โทรศัพท์ เฟซบุ๊คหรือไลน์เป็นช่องทางในการติดต่อกัน สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีแฟน บางรายอาจทำให้การเรียนดีขึ้น แต่บางรายกลับแย่ลง ชวนกันออกเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้าและสารเสพติด นำมาซึ่งการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันทำให้เกิดปัญหาท้องก่อนวัยตามมา โดยสาเหตุหลักคือ เด็กยังขาดทักษะในการจัดการตนเองเมื่ออยู่ในสถานการณ์เสี่ยง นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้เรื่องการท้องในวัยรุ่นเป็นวาระแห่งชาติ โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข เนื่องจากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กทุกด้าน เช่น สุขภาพของแม่และทารกในครรภ์เนื่องจากความไม่พร้อมของร่างกายและจิตใจ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมเนื่องจากเป็นการตั้งครรภ์ในวัยเรียนทำให้เด็กต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน การศึกษาน้อย รายได้ต่ำ ชีวิตครอบครัวไม่ราบรื่นมีแนวโน้มที่จะเกิดอัตราการหย่าร้างสูงตามมา “จากการรับรู้ข้อมูลของเด็กในประเด็นความรู้เรื่องเพศนั้น เด็กจะรู้บ้างไม่รู้บ้างจากวิชาที่เรียน ขึ้นอยู่กับความสนใจในเรื่องนี้ของแต่ละคน บางคนจะหาข้อมูลเองในGoogle และถามจากเพื่อน ซึ่งในเรื่องนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพโดยกองสุขศึกษาซึ่งมีบทบาทในการให้ความรู้เรื่องการดูแลและป้องกันตนเองด้านสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติในกลุ่มเด็กและเยาวชน ประเด็นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เป็นพฤติกรรมสุขภาพตามสุขบัญญัติข้อ5 คือการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสม โดยได้ดำเนินการพัฒนากลวิธีในการสื่อสารความเสี่ยงเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นักเรียน ครอบครัว โรงเรียน ชุมชนและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐในการทำงานแบบเป็นหุ้นส่วนกัน ภายใต้ทรัพยากรในท้องถิ่นที่มีอยู่” อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวด้วยว่า ได้มีการพัฒนารูปแบบการสื่อสารความเสี่ยงเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการและกระบวนการมีส่วนร่วม ใช้ระยะเวลาในการพัฒนา 3 ปี และจะนำรูปแบบการพัฒนาฯที่สำเร็จแล้ว ผลิตเป็นชุดเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ให้กับครูในโรงเรียนต่อไป “ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ข้อมูลประชากรกลางปี 2558 มีหญิงคลอดบุตรช่วงอายุ 10-14ปี จำนวน 2,988 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 1,963,728 คน คิดเป็นอัตราการคลอด 1.5 ต่อประชากร 1,000 คน นับเป็นตัวเลขที่ยังน่าห่วง จึงต้องเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกต้อง รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านสุขภาพและทักษะทางสังคมให้กับเด็กและเยาวชนในสังคม เพื่อให้เขามีชีวิตร่วมสมัยที่มีคุณภาพต่อไป โดยจะเริ่มต้นในวันสุขบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมในวันที่ 28 พฤษภาคมของทุกปี”